5 ปัจจัยหลัก! ที่จะทำให้คุณกู้ซื้อบ้านไม่ผ่าน
หลายคนที่อยากมีบ้านส่วนใหญ่จะกังวลว่า “จะกู้ผ่านหรือไม่?” และก็ทำให้เกิดคำถามยอดฮิตที่ว่า “จะทำยังไงให้กู้ผ่าน” ซึ่งก่อนที่จะพูดถึงเทคนิคที่จะทำให้กู้ผ่านนั้น ลองมาดูสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ “กู้บ้านไม่ผ่าน” กันก่อนดีกว่า เพื่อเตรียมตัวรับมือ ปิดทุกช่องว่างที่จะทำให้กู้ไม่ผ่าน และเปิดทุกโอกาสที่จะกู้ผ่าน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะสามารถกู้ผ่านและมีบ้านในฝันได้ง่ายขึ้น
5 ปัจจัยหลักที่ทำให้กู้บ้านไม่ผ่าน หรือในบางกรณีกู้ผ่าน แต่ได้ไม่เต็มวงเงินตามต้องการ
1. มีประวัติหนี้เสีย หรือผิดนัดชำระ
เครดิตบูโร มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลประวัติเครดิตทางการเงินของบุคคลคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นประวัติเครดิตทางการเงินที่ดี หรือประวัติหนี้เสีย ผิดนัดชำระหนี้ต่างๆ ไว้เป็นข้อมูลเพื่อใช้ในระบบการเงิน โดยเจ้าของบัญชีจะต้องเป็นผู้ที่ยินยอมให้มีการเปิดเผยประวัติเหล่านี้ และเจ้าหน้าที่แบงก์ที่เราไปยื่นขอสินเชื่อก็จะนำข้อมูลเหล่านี้มาพิจารณาว่า ประวัติเครดิตทางการเงินของเราเหมาะสมที่จะให้กู้หรือไม่ ซึ่งแต่แบงก์จะมีหลักในการพิจารณาไม่เหมือนกัน
2. มีบัตรเครดิตหลายใบก็มีโอกาสเสี่ยง
บางกรณีเจ้าของประวัติเครดิตทางการเงินนั้น มีจำนวนบัตรเครดิตพร้อมใช้งานที่ถืออยู่จำนวนมาก แม้ในรายงานเครดิตทางการเงินจะระบุว่า ชำระตามปกติทุกใบ แต่บางแบงก์ก็ประเมินว่า เป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงจะเป็นหนี้จำนวนมากจากบัตรเครดิตเหล่านั้น และอาจจะนำมาคำนวนกับรายได้ประจำที่มีอยู่ว่าสอดคล้องกับการใช้ การจ่ายบัตรเครดิตเหล่านี้หรือไม่ เป็นการนำเงินจากบัตรใบนี้ไปโป๊ะบัตรอีกใบหรือไม่ ก็มีโอกาสที่คะแนนความน่าเชื่อถือด้านเครดิตทางการเงินลดลงได้
3. ใช้บัตรกดเงินสดเป็นประจำ
กรณีนี้สำคัญมาก แม้ว่ารายงานประวัติเครดิตทางการเงินจะระบุไว้ว่า บัตรกดเงินสดที่เราใช้มีการชำระต่อเนื่อง บัญชีเป็นปกติ ไม่ได้มีการค้างชำระแต่อย่างใด แต่การกดเงินจากบัตรกดเงินสดมาใช้ ทำให้เห็นว่าปัจจุบันก็มีค่าใช้จ่ายที่เกินกว่ารายได้อยู่แล้ว หากมีภาระผ่อนที่อยู่อาศัยเข้าไปเพิ่ม อาจจะเสี่ยงเกินไป ก็อาจจะมีผลให้คะแนนความน่าเชื่อถือด้านเครดิตทางการเงินไม่ค่อยดีนัก ซึ่งบางช่วงเวลา (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นๆ) บางแบงก์ก็ประเมินว่า คนที่มีบัตรกดเงินสดเท่าไหร่ ก็เท่ากับเป็นหนี้เท่านั้นแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้กดเงินเหล่านั้นมาใช้ก็ตาม เช่น มีบัตรกดเงินสดอยู่ 2 ใบ วงเงินใบละ 50,000 บาท เท่ากับมีโอกาสที่จะเป็นหนี้แล้วทั้งหมด 1 แสนบาททันที ถ้ามีการกดใช้บัตรกดเงินสดแล้ว ก่อนจะยื่นกู้ซื้อบ้านอย่างน้อย 3 เดือน ต้องหาวิธีปิดยอดเป็นศูนย์ให้ได้
4. ยอดผ่อนสินค้า
กรณีนี้หลายคนที่ยื่นกู้บ้านอาจจะไม่ได้ทันระวัง คิดว่าเป็นเงินผ่อนระยะสั้น ไม่น่าจะมีผลอะไร แม้ว่าจะไม่ได้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ แต่ปรากฎว่า เผลอไปซื้อสินค้าเงินผ่อนเข้า เช่น ผ่อนโทรศัพท์มือถือ 3,000 บาทต่อเดือน เป็นจังหวะที่ยื่นกู้ที่อยู่อาศัยพอดี เจ้าหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อจะไม่ได้ดูว่า การผ่อนนั้นจะจบในอีกกี่เดือน อาจจะเดือนหน้า หรืออีก 2 เดือน แต่เจ้าหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อจะประเมินเลยว่า มีรายการผ่อนที่ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายประจำเดือนละ 3,000 บาท ก็จะนำหนี้รายการนี้หักออกจากรายได้ทันที ทำให้ความสามารถในการกู้ลดลง อาจจะไม่ถึงกับกู้ไม่ผ่าน แต่กู้ได้ไม่เต็มวงเงินที่ต้องการ
5. ไม่มีประวัติเครดิตทางการเงินเลย
คือ ไม่มีบัตรเครดิต ไม่เคยกู้เงิน ก็มีโอกาสที่จะไม่ได้รับอนุมัติ หรือได้รับอนุมัติวงเงินน้อย เพราะแบงก์ไม่มั่นใจว่า สาเหตุที่ผู้กู้รายนั้นไม่เคยมีประวัติเครดิต เพราะเหตุใด และไม่มั่นใจว่าหากกู้แล้วจะเป็นผู้กู้ที่ดีหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งกรณีนี้อาจจะเกิดขึ้นน้อย แต่ที่ผ่านมาก็เคยมีคนที่กู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยไม่ผ่าน เพราะไม่เคยมีประวัติเครดิตทางการเงินมาก่อนเลย
>> เลือกชมได้ที่นี่คลิก <<
ผู้ที่สนใจฝากขาย บ้านมือสอง ในกรุงเทพฯ บ้านมือสองนนทบุรี และปริมณฑล
สามารถติดต่อได้ที่นี่กรอกข้อมูลบ้าน และช่องทางติดต่อกลับ >> คลิกที่นี่ <<
ขอบคุณที่มาข้อมูล : ddproperty