Loading...

Loading
รับฝากขายบ้าน : บ้านมือสอง

7 วิธีเตรียมตัวซื้อบ้านภายใน 5 ปี

19 ตุลาคม 2561

บ้านคือสิ่งสำคัญที่มีความหมายต่อการดำรงชีวิต ซึ่งถือได้ว่าเป็นปัจจัยหลักๆ ที่ใครต่อใครก็ใฝ่ฝันที่จะได้มาครอบครอง ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม สำหรับใครหลายๆ คนแล้วไม่ง่ายเลยที่จะมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง วันนี้บ้านบางกอกจะมาบอกเคล็ดลับ "7 วิธีเตรียมตัวซื้อบ้านภายใน 5 ปี" ซึ่งการเตรียมตัวในครั้งนี้ คือการเตรียมตัวเก็บออมเงินดาวน์บ้าน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายแอบแฝงที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการซื้อบ้านได้อีกด้วย 

ข้อ1.jpg

1. ก่อนซื้อบ้าน...ควรรู้จำนวนเงินที่ต้องออมในแต่ละเดือน

สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงก่อนจะออมเงินนั้นคือ เป้าหมายในการเก็บออม และเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย สิ่งที่ท่านควรคำนึงถึงคือ จำนวนเงินที่ท่านจะต้องซื้อบ้านในราคาเท่าไร และ ควรเก็บเงินเท่าไรในแต่ละเดือน
หากท่านต้องการที่จะเก็บเงินซื้อบ้านด้วยเงินสด บ้านบางกอกมีวิธีคำนวนง่ายๆ โดยนำจำนวนปีมาคูณจำนวนเดือนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์จำนวนเดือนที่เราต้องเก็บเงิน โดยยกตัวอย่างดังนี้ 5 ปี x 12 เดือน = 60 เดือน 
จากนั้นนำราคาบ้านที่เราจะซื้อ / จำนวนเดือนที่เราจะเก็บ เช่น 1,500,000บาท / 60 เดือน =  25,000 บาท ซึ่งหากท่านที่มีรายได้รวมต่อเดือนที่ต่ำกว่า 35,000 บาท แทบจะไม่มีสิทธิ์เลยที่จะหาเงิน หรือ เก็บเงินในจำนวน 25,000 บาท ในระยะเวลา 1 เดือนได้เลย
แต่ถ้าหากเราเก็บเงินเพื่อดาวน์บ้าน ท่านควรจะมีเงินเก็บไว้ประมาณ 20% ของราคาบ้านโดยยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
ราคาบ้าน 1,500,000 บาท ก็นำ 1,500,000 x 20 /100  = 300,000 บาท จากนั้นนำผลลัพธ์ที่เราได้มาเป็นจำนวนเงินที่เราต้องออมในระยะเวลา 5 ปี ให้กายเป็นจำนวนเงินที่ต้องออมใน 1 เดือน โดยนำผลลัพธ์ที่เราได้คือจำนวนเงินดาวน์ในระยะ 5 ปี / จำนวนเดือน โดยยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
เงินดาวน์ 300,000 / 60 เดือน = 5,000 บาท ต่อเดือน ถือว่าเป็นการเก็บออมที่ไม่ยากเกินความสามารถใครหลายๆ คน ซึ่งคนที่มีรายได้ 15,000 บาท ก็สามารถเก็บเงินดาวน์บ้านได้ไม่ยากเลยครับ 

ข้อ2.jpg

2. เก็บออมเงินในแต่ละเดือนให้เท่าๆกันโดยการฝากประจำเพื่อบังคับตัวเอง

ผู้คนส่วนใหญ่ที่สามารถออมเงินได้อย่างรวดเร็วมักจะใช้วิธีการนี้ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ขาดวินัยในการออมและต้องการเริ่มออมเงินอย่างรวดเร็ว วิธีการคำนวนการแบ่งเงินในแต่ละเดือนมาฝากประจำคือ นำเงินเดือนหรือรายได้ประจำมาหัก 10 - 20% ก่อนนำเงินไปใช้ โดยยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
เงินเดือน 15,000 บาท หักสัก 20% ก็จะได้จำนวนเงินที่ต้องฝากประจำทุกเดือนโดยยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
เงินเดือน 15,000 x 20 / 100 = 3,000 บาท จากนั้นเราจะมาหาความเป็นไปได้ว่าใน 5 ปีนี้ เราจะมีเงินพอที่จะดาวน์บ้านได้หรือไม่ มาดูกัน นำเงินที่จะฝากประจำทุกเดือน
ยกตัวอย่างเป็นจำนวน 3,000 บาท x 60 เดือน = 180,000 บาท ซึ่งหากคำนวนหักกับจำนวนเงินที่จะต้องเก็บเพื่อดาวน์บ้านในระยะเวลา 5 ปี ในตัวอย่างที่แล้ว ( จำนวนเงินที่นำไปดาวน์บ้าน - ผลลัพธ์ยอดรวมของเงินฝาก = ยอดที่ต้องหาเพิ่มเติมจากการฝากประจำ ) ยังไม่สามารถดาวน์บ้านได้ แต่ไม่ต้องห่วงครับ บ้านบางกอกจะช่วยเพิ่มไอเดียในการหาเงินให้คุณ พร้อมแล้วไปกันที่ข้อต่อไปเลยครับ

ข้อ3.jpg

3. หารายได้เสริม

หากจะดาวน์บ้านแค่เงินเดือนสำหรับบางท่านคงไม่พอต้องหารายได้เสริมจากสิ่งที่ท่านถนัด หรือ หารายได้เสริมจากการขายของเก่าที่เราไม่ใช้แล้วเช่น เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ของสะสม ที่สภาพดีและไม่ใช้แล้ว โดยคุณอาจจะต่อยอดอาชีพเสริมตามที่ตนเองถนัดเพื่อที่จะทำให้คุณไม่เหนื่อยมาก เมื่อมีรายได้เสริมแล้วเราควรออมจากรายได้เสริมอย่างไรดี บ้านบางกอกมีแนวทางให้ท่านทดลองทำกันดูครับ 
ให้ท่านนำจำนวนเงินที่ได้จากรายได้เสริมในแต่ละครั้งมา - กับต้นทุน(เพื่อนำต้นทุนมาเป็นต้นทุนในครั้งต่อไป) = กำไร จากนั้น นำกำไรมาหักเป็นเป็น 2 ส่วน (เหตุที่ให้แบ่งเป็นอีก 2 ส่วน เพื่อที่จะไม่ให้การเก็บเงินในครั้งที่เป็นเรื่องที่เคร่งเครียดจนเกินไป) ส่วนแรกออมเป็นเงินเก็บส่วนเอาไว้ใช้จ่าย โดยคำนวนคราวๆดังนี้
รายได้เสริม 1,000 บาท - ต้นทุน 400 บาท(เช่น ค่าที่ขายสินค้า,ค่าไฟที่ใช้ในการทำงาน,ค่าสินค้าที่ซื้อมาขาย เป็นต้น) = กำไร 600 บาท แล้วนำ กำไร 600 / 2 = 300 บาท ซึ่งถ้าหากท่านหารายได้เสริมได้บ่อยๆ ก็จะต่อยอดเงินในแต่ละเดือนได้มากกว่าที่คุณคาดเอาไว้ซึ่งถ้าหากใน1เดือนคุณหารายได้เสริมถึง 8 ครั้ง ก็จะได้ 2,400 บาท เลยทีเดียว จากนั้นนำเงินที่ได้จากรายได้เสริมมาคำนวนเพื่อหาความเป็นไปได้ 2,400 บาท x 60 เดือน = 144,000 บาท เมื่อมารวมกับ 180,000 บาท = 324,000 บาท แค่นี้ท่านก็สามารถมีเงินดาวน์บ้าน ในราคา 1,500,000 บาท ได้แล้ว

ข้อ4.jpg

4. ออมเงินจากการงดกาแฟ

ท่านเป็นหนึ่งในคนที่ซื้อกาแฟทุกเช้าหรือเปล่า? ยิ่งซื้อจากร้านชื่อดังบางร้านแล้ว มูลค่าแทบจะเทียบเท่าอาหาร 3 มื้อเลยด้วยซ้ำ วิธีนี้จะช่วยให้ท่านได้มองเห็นว่า การซื้อกาแฟจากร้าน ซึ่งดูเหมือนเป็นค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย จริงๆ แล้วเมื่อทำทุกวัน จะเห็นได้ว่า ค่าใช้จ่ายตรงนี้แหละที่ทำให้เงินออมเราหายไปเป็นจำนวนมาก สมมุติคุณซื้อกาแฟทุกวัน ราคาแก้วละ 50 บาท คุณจะได้ออมเงิน 1,500 บาทจากวิธีนี้เพียงอย่างเดียว แต่ก็เท่ากับว่าคุณเสียเงินไป 1,500 บาทด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าซื้อกาแฟน้อยลง เงินที่จะบินออกจากกระเป๋าเงินของคุณก็จะน้อยลงด้วย แต่เดี๋ยวก่อนหากท่านต้องการออมเงินอย่างจริงจังละก็ แค่ค่ากาแฟอย่างเดียวคงไม่พอ ท่านสามารถหักจากค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับต่างๆ ซึ่งหากท่านนำเงินส่วนนั้นมาเป็นเงินออม ท่านอาจจะสามารถเก็บเงินได้อีกหลายแสนในระยะเวลา 5 ปีก็เป็นได้

ข้อ5.jpg

5. ต่อยอดเงินทุน

เมื่อคุณเก็บเงินมาได้สักระยะหนึ่ง คุณควรนำเงินก้อนนี้ไปลงทุน ไม่ควรเก็บไว้ในบัญชีธนาคาร เพราะคุณจะได้รับดอกเบี้ยแสนต่ำ ซึ่งปัจจุบันก็ต่ำกว่าค่าเงินเฟ้อด้วยซ้ำ เงินเก็บของคุณอาจมีค่าลดลงเมื่อถึงวันที่คุณถอนออกมาเพื่อซื้อบ้าน และราคาบ้านในฝันของคุณก็ราคาพุ่งพรวดไปเสียแล้ว คุณควรนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนมากกว่าการฝากเงินไว้กับธนาคาร เช่น การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล การซื้อกองทุนรวม การฝากไว้ในกองทุน LTF/RMF เป็นต้น หากทำและได้ผลตอบแทนที่ดีเงินออมซื้อบ้านของคุณก็จะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ แต่ก็คิดเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ให้ศึกษาให้ดีก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์อะไรก็ตาม

ข้อ6.jpg

6. ไม่ก่อหนี้สินเพิ่ม

นับว่าเป็นข้อสำคัญไม่แพ้การเก็บเงิน คือการรู้จักบริหารจัดการหนี้ให้หมด ไม่ใช่ว่าไปกู้เงินมาเพื่อมาโปะหนี้เก่า แต่ต้องจัดสรรรายได้ที่ได้รับมาเพื่อปิดบัญชีหนี้เก่า และไม่ก่อนหนี้เพิ่มเพื่อให้เป็นภาระในอนาคต

ข้อ7.jpg

7. มีวินัยและมีความอดทนมากกว่าจำนวนเงินที่ต้องเก็บ

  ในแต่ช่วงเวลา ซึ่งในบางครั้งต้องประคับประคองเพื่อทำให้เงินนี้สะสมไปเรื่อยๆ ตามความสามารถให้ดีที่สุด อาจจะต้องมีการปรับการใช้จ่าย ปรับวิธีการออมต่างๆให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นคือ การมีวินัยเรื่องการเงิน เงินจำนวนนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินจำนวนมาก แต่ต้องเป็นเงินที่เราสามารถทำได้สม่ำเสมอตามระยะเวลาที่เราต้องการครับ 

การเก็บเงินออมจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากท่านมีวินัย ตั้งใจ อดทน ทั้งนี้ทั้งนั้นวิธีการเก็บออมที่ทางบ้านบางกอกนำเสนอไปนั้นเป็นเพียงตัวอย่างการคำนวนแบบคร่าวๆ แต่หากท่านใดที่มีเงินเดือนที่มากกว่าหรือมีรายได้เสริมที่มากกว่านี้ ผลลัพธ์ก็จะยิ่งสูงขึ้น ตามรายรับที่ได้มา รวมไปถึง ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ฟุ่มเฟือย หากท่านสามารถงดค่าใช้จ่ายต่างๆได้มากขึ้น ท่านก็จะสามารถมีเงินออมได้มากขึ้นเช่นกัน

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาที่ท่านอาจสนใจ เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น นโยบายคุกกี้และนโยบายความเป็นส่วนตัว