Loading...

Loading
รับฝากขายบ้าน : บ้านมือสอง

ผู้ประกอบอาชีพอิสระต้องอ่าน เคล็ด(ไม่ลับ) กู้ซื้อบ้านมือสองง่ายๆด้วยสูตร 5บวก1

12 กรกฎาคม 2559

รู้หรือไม่ว่า ยอดปฏิเสธสินเชื่อในกลุ่มสินเชื่อ บ้านมือสอง ราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทสูงถึง 40-45% ส่วนสินเชื่อกลุ่มบ้านราคาสูงเกิน 1.5 ล้านบาทขึ้นไปอยู่ที่ 20-25% ? ส่วนหนึ่งมาจากการที่คนเรามีหนี้สินเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหนี้สินจากโครงการรถคันแรกที่ยังตามหลอกหลอนจนถึงสิ้นปี 2559 และหนี้สินครัวเรือน ที่ทำให้สถิติทั้งประเทศสูงปรี๊ดถึง 81.50% เลยทีเดียว ดังนั้นมิสเตอร์บางกอกจึงขอนำบทความดีๆ เกี่ยวกับเรื่อง “ กู้ซื้อบ้านมือสอง ยังไงให้ผ่าน 100%” มาฝากให้ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระได้มีโอกาสในการยื่น กู้ซื้อบ้านมือสอง กันครับ

สาเหตุที่ปัจจัยลบของ 2 ตัว อย่างหนี้ผ่อนรถ หรือหนี้ครัวเรือนก็เป็นปัจจัยที่สำคัญไม่น้อย เพราะเวลาพิจารณาปล่อยสินเชื่อ บ้านมือสอง ธนาคารทั้งหลายก็จะมีหลักเกณฑ์ตายตัวข้อหนึ่งคือ รายได้ผู้กู้ 100% หักหนี้ทุกตัวที่มีแล้ว (รวมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน) จะต้องเป็นภาระจ่ายหนี้ไม่เกิน 50-80% ของรายได้

ตัวอย่าง

รูปภาพ1_240x240.jpg

หากคุณมีรายได้เท่าไหร่ ให้คิดเป็น 100% จ่ายหนี้รถคันแรก 30 % หนี้ครัวเรือน (บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ฯลฯ) 40% ค่าใช้จ่ายกินอยู่ประจำวันอีก 28% แสดงว่ามีค่าใช้จ่ายหรือมีภาระหนี้ที่ต้องจ่ายออกเดือนละ 98% แบบนี้ไปขอกู้เงิน ซื้อบ้านมือสอง จากแบงก์น่าจะหมดสิทธิ เหตุผลเพราะ "ความสามารถในการชำระหนี้" มีต่ำหรือมีน้อยมาก

หากธนาคารปล่อยกู้จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นหนี้เสียหรือ NPL (Non Performing Loan) ในอนาคต ซึ่งหนี้ที่ไม่ก่อประโยชน์นี้โอกาสเกิดก็ง่ายเสียด้วย ถ้าเบี้ยวจ่ายค่างวด 3 เดือน ทางแบงก์ชาติ (ธนาคารแห่งประเทศไทย) จะถือว่าเป็นหนี้เสียทันที

สูตรเด็ดแต่เคล็ด(ไม่)ลับ กู้เงิน ซื้อบ้านมือสอง อย่างไรให้แบงก์อนุมัติ รวบรวมเป็นสูตรที่เรียกได้ว่า สูตร "5+1" โดยเลข 5 มาจากเทคนิค 5 ข้อในการยื่นขอสินเชื่อ กับเลข 1 สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการSME หรือ "ผู้ประกอบอาชีพอิสระ" ไม่มีคำนิยามตายตัว แต่ให้นึกง่ายๆ ก็พ่อค้าแม่ค้าตามตลาดนัดเปิดท้ายขายของ หรือคนที่ทำอาชีพอิสระ แต่ไม่ใช่พนักงานบริษัท รายได้อาจจะมากกว่ามนุษย์เงินเดือนด้วยซ้ำ แต่มีจุดอ่อนตรงที่ไม่มีหลักฐานการมีรายได้ประจำ

 

สูตรข้อที่ 1 : วินัยการผ่อน

คนที่ยังไม่เคยกู้ให้ทดลองฝึกสร้าง "วินัยการผ่อน" วิธีการให้จำลองสถานการณ์ สมมุติว่ามีงวดผ่อนเดือนละ 7,000 บาท ให้ทดลองกันเงินจำนวนนี้ไว้ทุกเดือน ห้ามแตะต้องเด็ดขาด ถ้าสามารถทำได้สม่ำเสมอก็แสดงว่าวินัยดีมาก สะท้อนถึงความสามารถในการชำระหนี้มีสูงมากเช่นกัน

 

สูตรข้อที่ 2 : การเดินบัญชี

คือสิ่งที่สถาบันการเงินต้องการเพื่อเป็นการแสดงหลักฐานการมีรายได้สม่ำเสมอ ฉะนั้น ถ้าไม่มีสลิปเงินเดือนมาโชว์ ก็ต้องใช้วิธีการเดินบัญชี วิธีการคือนำเงินฝากเข้าบัญชีแบงก์ใดแบงก์หนึ่งอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 6-12 เดือน โดยสิ่งพึงระวังสำหรับการเดินบัญชีคือจะต้องมีความสม่ำเสมอ


สูตรข้อที่ 3 : มียอดเงินคงเหลือติดบัญชี

ข้อนี้แม้แต่มนุษย์เงินเดือนก็ต้องพึงระวัง เพราะนายแบงก์จะดูว่ามีเงินเหลือติดบัญชีเท่าไหร่ จำนวนควรจะต้องสอดคล้องกับภาระหนี้ที่ขอกู้ คำแนะนำคือ เวลายื่นกู้ บ้านมือสอง ถ้าหากพบว่ามีเงินเหลือติดในบัญชีต่ำแต่ตัวเองไม่ได้มีหนี้สินอะไร ควรแจกแจงรายละเอียดกับแบงก์ว่ารายได้ที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีอาจเป็นเพราะนำไปลงทุนอื่นๆ เช่น ซื้อทองคำ หุ้น ซื้อกองทุนรวม เป็นต้น


คนขี้สงสัยอาจจะถามว่า จำนวนเงินติดบัญชีควรมีเท่าไหร่ดี? มิสเตอร์บางกอกขอตอบแบบให้เข้าใจง่ายๆ กันนะครับ จะต้องมีเงินดาวน์ 10-15% ของราคาบ้านที่เราจะซื้อครับ เช่น หากเราจะซื้อบ้านราคา 1 ล้าน เงินติดบัญชีของเราควรจะมีอยู่ 100,000 - 150,000 บาทครับ 


สูตรข้อที่ 4 : เครดิตทางการเงิน

ประวัติการใช้สินเชื่อทุกชนิดจะถูกส่งมาไว้ถังกลางที่เครดิตบูโร เวลาเรายื่นขอกู้แบงก์จะตรวจสอบย้อนหลัง 3 ปีเต็ม หากคำนวณแล้วหนี้เดิมที่มีอยู่ เมื่อเพิ่มหนี้บ้านเข้าไปอีกภาระการผ่อนเกิน 80% ของรายได้หรือเปล่า ถ้าเกินก็หมดสิทธิ โดยตรวจสอบควบคู่กับประวัติการผิดนัดชำระหนี้ ข้อแนะนำคือไม่ควรจ่ายช้าเกิน 30 วัน (อย่าให้ทบงวดนั่นเอง) กรณีที่เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้ให้ชี้แจงสาเหตุที่ผิดนัด ที่สำคัญต้องแนบหลักฐานว่าได้ตามไปจ่ายเรียบร้อยแล้ว

 

สูตรข้อที่ 5 : หลักทรัพย์ค้ำประกัน

สูตรนี้แบงก์ก็ให้ความสำคัญนะครับ เพราะธนาคารจะมองเผื่อว่ากรณีเป็นหนี้เสียแล้วยึดทรัพย์มาขายทอดตลาด จะต้องซื้อง่ายขายคล่องพอสมควร ข้อแนะนำคือพึงระวัง 2 ข้อครับ คือ 1. ถ้าใช้ที่ดินค้ำประกันจะต้องไม่เป็นที่ตาบอด 2. ทำเลที่ตั้งไม่ควรอยู่ในแหล่งเสื่อมโทรม


สุดท้ายอีก 1 เทคนิคสำหรับ "ผู้ประกอบอาชีพอิสระ"

กลุ่มนี้โดนหางเลขไปด้วย เพราะการทำมาค้าขายรับเงินสดเน้นๆ ทุกวันแต่ไม่มีหลักฐานรายได้ประจำ ปัญหาอยู่ที่เงินสดคล่องมือทำให้รสนิยมสูง มักเลือกซื้ออสังหาฯ ราคาแพง แต่ล่าสุด ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงเกือบเท่าตัว จาก 19% เพิ่มเป็น 34% ทางธนาคารก็เลยออกอาการแหยงๆ ที่จะปล่อยกู้ มิสเตอร์บางกอกมีข้อแนะนำ คือสามารถใช้ "หนังสือชำระภาษีประจำปี" เป็นหลักฐานแสดงรายได้แทน บางแห่งรับฟังข้อมูลยอดขาย ต้นทุน กำไรต่อวันก็มี

 

ที่มา : มติชนรายวัน


สำหรับผู้ที่กำลังหาซื้อบ้านพร้อมอยู่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 

>> เลือกชมได้ที่นี่คลิก <<

ผู้ที่สนใจฝากขาย บ้านมือสอง ในกรุงเทพฯ บ้านมือสองนนทบุรี และปริมณฑล  

สามารถติดต่อได้ที่นี่กรอกข้อมูลบ้าน และช่องทางติดต่อกลับ >> คลิกที่นี่ <<

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาที่ท่านอาจสนใจ เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น นโยบายคุกกี้และนโยบายความเป็นส่วนตัว