8 สิ่งสำคัญที่ต้องระบุให้ชัดในสัญญานายหน้าอสังหาฯ
สัญญานายหน้าและตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการขายอสังหาฯ หรือการใช้บริการนายหน้าหรือตัวแทนอสังหาฯ ที่อำนวยความสะดวกได้มาก โดยเฉพาะผู้ขายที่ไม่มีเวลา หรือไม่ถนัดเรื่องการติดต่อประสานงานต่าง ๆ ตัวแทนอสังหาฯ จะจัดการให้ทุกขั้นตอน ซึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องระบุให้ชัดในสัญญานายหน้าอสังหาฯ จะมีอะไรบ้างไปดูกันครับ
สัญญานายหน้าและตัวแทนอสังหาริมทรัพย์คืออะไร
สัญญานายหน้านั้นเป็นสัญญาต่างตอบแทน ระหว่างฝ่ายหนึ่งคือผู้ที่ประสงค์จะขายอสังหาฯ และอีกฝ่ายหนึ่งคือนายหน้าหรือตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ที่มีหน้าที่นำอสังหาริมทรัพย์ไปเสนอขายแก่ผู้ซื้อ และทำให้เกิดการซื้อขายอสังหาฯ ขึ้นในที่สุด
สัญญานายหน้านี้จะผูกพันระหว่างผู้ขายและนายหน้าโดยทั้งสองฝ่ายมีหน้าที่ต้องปฏิบัติต่อกัน โดยผู้ขายมีหน้าที่จ่ายค่าตอบแทนให้นายหน้าหรือตัวแทนอสังหาฯ เมื่อนายหน้าหรือตัวแทนอสังหาฯ ปฏิบัติหน้าที่สำเร็จคือเกิดการขายอสังหาฯ ตามที่ระบุในสัญญาขึ้น
รายละเอียดของสัญญานายหน้าและตัวแทนอสังหาริมทรัพย์
ประกอบไปด้วย 8 ส่วนหลัก ๆ ซึ่งในสัญญาอาจมีการสลับลำดับกันได้ ดังนี้
1.รายละเอียดการทำสัญญา
ในส่วนนี้มักจะปรากฎอยู่ตอนต้นของสัญญาโดยระบุมีการทำสัญญาฉบับนี้ขึ้นที่ไหน และเมื่อไร
2.ระบุรายละเอียดของผู้ขาย หรือ ผู้ให้สัญญา
ส่วนนี้จะระบุถึงรายละเอียดของผู้ขาย ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล อายุ และที่อยู่ และกำหนดว่าในต่อไปสัญญาฯ จะแทนด้วยคำว่าผู้ขาย หรือผู้ให้สัญญา
3.ระบุข้อมูลของนายหน้าหรือตัวแทนอสังหาริมทรัพย์
ส่วนนี้จะระบุข้อมูลของผู้ที่จะมาเป็นนายหน้าของเรา ได้แก่ ชื่อและนามสกุล อายุ และที่อยู่ของนายหน้า ซึ่งในภายหลังจะแทนด้วยคำว่านายหน้าหรือตัวแทนอสังหาฯ เมื่อปรากฎในส่วนถัดไปของสัญญา
4.รายละเอียดอสังหาริมทรัพย์ที่จะขาย
รายละเอียดส่วนนี้เป็นการระบุข้อมูลโดยระเอียดถึงสถานที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์ที่จะขาย ได้แก่ บ้านเลขที่ หมู่ ซอย ถนน แขวง เขต และจังหวัด
5.ค่าตอบแทนนายหน้า
รายละเอียดส่วนนี้เป็นส่วนที่ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เนื่องจากจะเป็นตัวบอกว่านายหน้าของเราจะได้รับค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่จากการขายอสังหาฯ ตามที่ระบุในสัญญานี้ โดยการระบุจำนวนเงินต้องตรงกันทั้งตัวเลขและตัวอักษร
นอกจากนี้จะกล่าวถึงรูปแบบและวิธีการจ่ายค่าตอบแทน รวมไปถึงช่องทางหรือสถานที่ชำระค่าตอบแทน จำนวนงวดชำระ และกำหนดเวลาจ่ายค่าตอบแทนที่แน่นอน ที่สำคัญคือต้องระบุถึงการหักภาษี ณ ที่จ่ายด้วย
6.ระยะเวลาของสัญญา
ส่วนนี้จะระบุถึงช่วงเวลาที่สัญญาฉบับนี้เริ่มต้นมีผลบังคับใช้ผูกพันระหว่างคู่สัญญา และช่วงเวลาที่สัญญาสิ้นสุดลง รวมไปถึงวิธีการขยายระยะเวลาของสัญญาว่าจะต้องแจ้งความประสงค์ต่อกันภายในกี่วันก่อนสัญญาสิ้นสุด โดยจะต้องมีการตกลงเงื่อนไขและทำสัญญาฉบับใหม่ขึ้นอีกครั้ง
7.เงื่อนไขหรือกรณียกเว้น
ส่วนนี้จะระบุถึงเงื่อนไขหรือกรณียกเว้นในประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นเหตุให้ต้องจ่ายค่าตอบแทนโดยที่ไม่เกิดการขายอสังหาริมทรัพย์ขึ้น หรือเป็นเหตุให้ผู้ขายไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน รวมไปถึงการผิดสัญญาของคู่กรณีแต่ละฝ่ายที่จะทำให้เกิดผลตามที่สัญญาระบุเอาไว้
8.ลงชื่อทั้งสองฝ่ายและพยานให้ครบ
ส่วนนี้จะปรากฎอยู่ในส่วนท้ายสุดของสัญญา คือการลงชื่อของสองฝ่ายและพยาน เพื่อให้สัญญามีผลบังคับใช้ขึ้น ฝ่ายแรกคือผู้ขายหรือผู้ให้สัญญา ฝ่ายที่สองคือฝ่ายนายหน้าหรือตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ และพยานจำนวน 2 คน ลงนามพร้อมกัน จากนั้นต่างฝ่ายทั้งผู้ขายและนายหน้าต่างเก็บสัญญาเอาไว้กับตัวคนละหนึ่งชุด
ผู้ขายควรทำสัญญานายหน้าก่อนให้เรียบร้อย
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการไม่ทำสัญญานายหน้าฯ คือความไม่ชัดเจนในเรื่องค่าตอบแทน ไม่ว่าจะเป็น ต้องจ่ายเท่าใด เมื่อไร ต้องหักภาษีก่อนหรือไม่ รวมไปถึงระยะเวลาการทำนายหน้า
การมีสัญญาช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเข้าใจประเด็นต่าง ๆ ได้ถูกต้องตรงกันตั้งแต่ตอนต้น และไม่ตกหล่นที่จะตกลงกันในเรื่องต่าง ๆ เพราะฉะนั้นการทำงานร่วมกับนายหน้า ผู้ขายควรจะทำสัญญานายหน้าและตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ก่อนให้เรียบร้อย
ที่มา : www.ddproperty.com
ข่าวดีสำหรับคนอยากเป็นนายหน้าอสังหาฯ
บางกอก แอสเซทฯ เปิดอบรมคอร์ส “ก้าวแรกสู่นายหน้าอสังหาฯ ยุคใหม่” ประจำทุกอาทิตย์ที่ 2 และ 3 ของเดือน เรามีวิทยากรที่พร้อมถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ตรง ของนายหน้าอสังหาฯ ให้ทุกคนเรียนรู้ได้ฟรี ๆ !!
บทความที่เกี่ยวข้อง