ปัจจุบันเมื่อเราตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศ สิ่งที่ต้องพิจารณานอกจากยี่ห้อและราคาคือเทคโนโลยีการทำงาน โดยมีให้เลือกหลักๆ 2 ประเภท ได้แก่ แอร์ระบบ Inverter และแอร์ระบบธรรมดา (Standard) แต่แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน? บทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
แอร์ Inverter คืออะไร?
แอร์ Inverter คือเครื่องปรับอากาศที่มีระบบควบคุมความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์แบบต่อเนื่อง เมื่อห้องเย็นถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ คอมเพรสเซอร์จะไม่หยุดทำงานแต่จะลดความเร็วรอบลง ทำให้ประหยัดไฟและรักษาอุณหภูมิได้สม่ำเสมอ
แอร์ธรรมดา (Fixed Speed) คืออะไร?
แอร์ธรรมดาหรือแอร์ Fixed Speed คือเครื่องปรับอากาศที่คอมเพรสเซอร์ทำงานด้วยความเร็วคงที่ เมื่ออุณหภูมิห้องถึงระดับที่ตั้งไว้ คอมเพรสเซอร์จะหยุดทำงาน และจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่ออุณหภูมิห้องสูงขึ้น
แอร์ Inverter
ข้อดี
- ประหยัดพลังงานมากกว่า 30-50% เมื่อเทียบกับแอร์ธรรมดา
- รักษาอุณหภูมิได้คงที่ ไม่มีการขึ้นลงของอุณหภูมิ
- ทำความเย็นได้เร็วกว่าในช่วงแรก
- การทำงานเงียบกว่า เพราะไม่มีการตัดต่อบ่อย
- อายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์ยาวนานกว่า
- มีเทคโนโลยีทันสมัย เช่น ระบบฟอกอากาศ ระบบกรองฝุ่น PM 2.5
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่าแอร์ธรรมดาประมาณ 30-50%
- ค่าซ่อมบำรุงอาจสูงกว่าเมื่อเกิดปัญหา
- ต้องการการติดตั้งที่ถูกต้องเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
แอร์ธรรมดา (Standard)
ข้อดี
- ราคาถูกกว่า ทั้งราคาเครื่องและค่าติดตั้ง
- ซ่อมบำรุงง่าย อะไหล่หาง่าย
- ใช้งานและดูแลรักษาง่าย
- เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้งานต่อเนื่องยาวนาน
ข้อเสีย
- สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่า
- อุณหภูมิห้องไม่คงที่ มีการขึ้นลงเป็นช่วง
- เสียงดังกว่าเมื่อคอมเพรสเซอร์ตัดต่อ
- อายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์สั้นกว่า
การคำนวณความคุ้มค่า
1. ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น
สมมติว่าแอร์ขนาด 12,000 BTU:
- แอร์ Inverter: ประมาณ 15,000-25,000 บาท
- แอร์ธรรมดา: ประมาณ 10,000-18,000 บาท
2. ค่าไฟฟ้า
สมมติการใช้งาน 8 ชั่วโมงต่อวัน ราคาค่าไฟ 4 บาทต่อหน่วย:
- แอร์ Inverter: ใช้ไฟประมาณ 1-1.2 หน่วยต่อชั่วโมง = 8-9.6 หน่วยต่อวัน = 32-38.4 บาทต่อวัน
- แอร์ธรรมดา: ใช้ไฟประมาณ 1.3-1.5 หน่วยต่อชั่วโมง = 10.4-12 หน่วยต่อวัน = 41.6-48 บาทต่อวัน
ประหยัดค่าไฟได้ประมาณ 9.6-9.6 บาทต่อวัน หรือ 288-288 บาทต่อเดือน หรือ 3,456-3,456 บาทต่อปี
3. ระยะเวลาคืนทุน
หากส่วนต่างราคาเครื่องอยู่ที่ประมาณ 5,000-7,000 บาท:
- ระยะเวลาคืนทุน = ส่วนต่างราคา ÷ ค่าไฟที่ประหยัดได้ต่อปี
- ระยะเวลาคืนทุน = 5,000-7,000 ÷ 3,456 = ประมาณ 1.5-2 ปี
แบบไหนคุ้มกว่า? คำตอบขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้
1. ระยะเวลาการใช้งาน
ใช้งานมากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน แอร์ Inverter คุ้มค่ากว่า
ใช้งานน้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน แอร์ธรรมดาอาจคุ้มค่ากว่า
2. อายุการใช้งานที่ต้องการ
ต้องการใช้งานระยะยาว (มากกว่า 5 ปี) แอร์ Inverter คุ้มค่ากว่า
ใช้งานระยะสั้น (น้อยกว่า 3 ปี) แอร์ธรรมดาอาจคุ้มค่ากว่า
3. งบประมาณเริ่มต้น
มีงบประมาณจำกัด แอร์ธรรมดาอาจเหมาะสมกว่า
สามารถลงทุนระยะยาวได้ แอร์ Inverter คุ้มค่ากว่า
4. พื้นที่ใช้งาน
ห้องนอน ห้องทำงาน (ต้องการความเงียบ) แอร์ Inverter เหมาะสมกว่า
ห้องรับแขก ห้องครัว (ใช้งานไม่ต่อเนื่อง) แอร์ธรรมดาอาจเพียงพอ
แอร์ Inverter คุ้มค่ากว่าในระยะยาวสำหรับผู้ที่ใช้งานต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ โดยมีระยะเวลาคืนทุนประมาณ 1.5-2 ปี ขณะที่แอร์ธรรมดายังคงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดหรือใช้งานไม่บ่อย การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศจึงต้องพิจารณาจากพฤติกรรมการใช้งาน งบประมาณ และความต้องการด้านคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ประกอบกัน เพื่อให้ได้เครื่องปรับอากาศที่คุ้มค่า และตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด
