Loading...

Loading
รับฝากขายบ้าน : บ้านมือสอง

ความลับที่ผู้ประกอบอาชีพค้าขายอิสระไม่เคยรู้ตอนที่ 2

19 สิงหาคม 2559

จากบทความวันก่อน ความลับที่ผู้ประกอบอาชีพค้าขายอิสระไม่เคยรู้ตอนที่1 ที่ได้เปิดผิดว่าด้วยเคล็ดลับสำคัญ 5 ข้อในการทำให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระสามารถแต่งตัวเพื่อยื่นกู้ได้ วันนี้เราจะมาต่อกันด้วยเคล็ดลับที่สำคัญที่สุดคือ 

1. การเลือกธนาคารในการขอสินเชื่อ

1440652034-PSD-LOGO-BANK-THAI-FULL_600x600_240x240.jpg

เรื่องนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากทีเดียว เพราะชาวบ้านอย่างเราๆก็เห็นโฆษณาในโทรทัศน์ สื่อต่างๆ แล้วเกิดความเข้าใจว่าธนาคารฯสารพัดสีที่เราเห็นทั้งหลายเค้าทำธุรกิจเหมือนๆกัน ต่างกันก็เพียงอัตราดอกเบี้ย หรือ วงเงินอนุมัติ ซึ่งเรื่องนี้ขอบอกว่าเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องสำหรับคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือน แต่เป็นความเข้าใจที่ผิดมหันต์ของอาชีพค้าขายอิสระเพราะแต่ละธนาคารฯมักมีความชำนาญในการปล่อยกู้ที่ต่างกันไป เช่น บางธนาคารเน้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็นหลัก บางธนาคารเน้นสินเชื่อ SME ประเภทโรงงานและเครื่องจักร บางธนาคารเน้นผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งหากเราไปเข้าใจว่าธนาคารฯทั้งหลายแข่งกันปล่อยกู้สินเชื่อเหมือนๆกัน อันนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก จริงอยู่หากเราเป็นลูกค้าชั้นดี หรือเป็นมนุษย์เงินเดือน(สูง)อาชีพมั่นคงมากๆ ไม่ว่าไปแบงค์ไหนเค้าย่อมรับหมด

แต่เนื่องจากเรามีอาชีพค้าขายอิสระ ดังนั้นเราควรเลือกจากธนาคารที่มีนโยบายปล่อยกู้อาชีพแบบเรา ซึ่งเรื่องแบบนี้ปกติธนาคารจะไม่มีประกาศออกสื่อไว้ เราต้องค้นหาคำตอบเอาเอง ซึ่งเวลาเราเดินเข้าไปที่ธนาคาร มันเป็นมารยาทของเค้าที่เค้าจะไม่บอกเราตรงๆว่า “ธนาคารxxxx ของเราไม่มีนโยบายปล่อยกู้ร้านขายของประเภทนี้นะครับ” เค้าจะรับเรื่องให้เซ็นเอกสาร แล้วแจ้งว่ารอผลอนุมัติจากผู้อนุมัตินะครับ แล้วก็ปล่อยเงียบๆไป  ถ้าเราไปติดตามเค้าก็จะโบ้ยไปแบบเนียนๆว่า ผลอนุมัติยังไม่ออกครับ (แต่ที่จริงมันไม่ผ่านการพิจารณา) ซึ่งก็จะทำให้ทั้งเสียเวลา เสียโอกาส แทนที่จะไปธนาคารที่เค้ามีนโยบายอนุมัติสินเชื่อประเภทแบบเรา หรือ เคยอนุมัติมาก่อน ดังนั้นเราอาจลองถามเจ้าหน้าที่ว่า "ขอโทษนะครับไม่ทราบว่าที่ธนาคาร…..สาขา….ของคุณนี้เคยปล่อยกู้ อาชีพแบบนี้มั้ยครับ” ถ้าคำตอบคือไม่เคยครับ/ค่ะ ขอให้ตระหนักว่า คุณไม่น่าจะโชคดีเป็นรายแรกที่กู้ผ่านของธนาคารนั้นๆ หากได้รับคำตอบว่าเคย หรือ ไม่เคยปล่อยอาชีพนี้แต่เคยอนุมัติอาชีพที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน แบบนี้ก็เป็นอันว่าเราไม่น่าจะมาผิดที่

 

2 จำนวนธนาคารฯในการขอสินเชื่อ

02l01_600x335_320x179.jpg

ขอแนะนำว่าให้ยื่นกู้พร้อมกันอย่างน้อย 2-3 ธนาคาร เพราะการอนุมัติสินเชื่อกู้บ้านมือสอง แต่ละธนาคารก็จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปหรือแม้แต่ธนาคารเดียวกันแต่คนละสาขาก็ยังมีเงื่อนไขที่แตกต่างไป ซึ่งส่งผลให้เอกสารที่ต้องเตรียมมีความแตกต่างกัน บางแห่งขอดู บางแห่งไม่จำเป็น อย่างไรก็ตามจากประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการยื่นกู้ขอสินเชื่อบ้านมาหลายปี พบว่าผู้ซื้อบ้านส่วนใหญ่ไม่นิยมกู้หลายธนาคารด้วยเหตุผล

-  ไม่อยากเสียเวลาเตรียมเอกสารมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายเพราะเสียเวลาอย่างอื่นหมื่นแสนเสียได้ แต่เสียเวลาลงทุนเตรียมเอกสารเพื่อการสร้างอนาคตในการมีบ้านสักหลังไม่ได้

-  ไม่อยากเสียค่าประเมินราคาหลายครั้ง คนเราบางที่ก็เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย

ก็คงต้องบอกเหมือนเดิมว่าค่าประเมินครั้งละ 2-3 พันบาท ต่อไห้ยื่น 3 ธนาคารฯ ค่าประเมินรวมกันก็ไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งน่าเสียดาย เพราะในการประเมินแต่ละครั้งแต่ละธนาคารฯ บอกได้เลยว่าแต่ละแห่งไม่เคยประเมินได้ราคาเท่ากันสักครั้ง จะมีต้องมีความแตกต่างกันอย่างน้อย 5-10% เสมอ ดังนั้นยิ่งประเมินหลายธนาคารก็ยิ่งมีโอกาสที่บางแห่งประเมินได้สูง บางครั้งราคาประเมินออกมาทำให้ผู้กู้ไม่ต้องดาวน์ หรือบางครั้งอาจได้กู้ได้เกินเล็กน้อยด้วยซ้ำ ซึ่งเงินดังกล่าวเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายค่าประเมินนับว่าคุ้มมาก จะเอาไปหมุนลงทุน หรือ ซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านก็คุ้มทั้งนั้น 

 

3 การเลือกสาขาธนาคาร มี 2 แนวทาง

646610.rp9ke41hhd9h_320x180.jpg

เลือกจากธนาคารสาขาใกล้บ้านหรือใกล้ที่พักอาศัย เช่น หากเราเป็นพ่อค้าแม่ค้าขายของในตลาดแถวนนทบุรี ก็ควรขอสินเชื่อกับธนาคารที่อยู่ในย่านนนทบุรีเช่นเดียวกันเพราะสะดวกในการติดตามความคืบหน้าและหากกิจการของเราอยู่ใกล้ธนาคาร เป็นที่รู้จักอยู่แล้วแบบนี้จะยิ่งสร้างโอกาสในการกู้ได้มากขึ้น นอกจากนี้ในบางธนาคารสาขามีอำนาจในการอนุมัติสินเชือได้เลย ไม่ต้องส่งไปอนุมัติที่สำนักงานใหญ่ ก็จะทำให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

สำหรับบางธนาคารที่กระบวนการอนุมัติต้องส่งไปที่สำนักงานใหญ่เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาสินเชื่อแล้วละก้อ การเลือกกู้ที่สำนักงานใหญ่น่าจะมีโอกาสความเป็นไปได้มากกว่าการยื่นกู้ที่สาขา เพราะกระบวนการในการอนุมัติหลายๆเคสที่เจ้าหน้าที่สินเชื่อต้องไปพรีเซ็นต์อธิบายเหตุผลประกอบต่างๆให้คณะกรรมการอนุมัติสินเชื่อฟัง ซึ่งการที่ทั้งสองแผนกนั่งทำงานอยู่ในอาคารเดียวกัน หรือมีความรู้จักกันก็ย่อมลดขั้นตอนการอนุมัติให้รวบรัดขึ้น

 

4 เรื่องสำคัญสุดท้าย

หลายคนคิดว่าการเดินเข้าไปในธนาคารสามารถพบใครก็ได้ เจ้าหน้าที่คนไหนก็สามารถช่วยให้ท่านได้วงเงินสินเชื่อเหมือนๆกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นความเข้าใจที่ไม่ผิด หากท่านเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือกิจการของท่านมีความมั่นคงสูง แต่หากผู้กู้เป็นอาชีพค้าขายอิสระแล้วละก็ เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ เพราะการได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าสินเชื่อที่มีความชำนาญมายาวนาน มีประสบการณ์ในการให้คำแนะนำในการเตรียมเอกสาร ประสบการณ์ในการเสนอเคสที่เหมือนกับเรา (เรียกว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นมือถึงทำผ่านมาหลายเคส) ซึ่งเค้าสามารถทำการพรีเซนต์ต่อกรรมการอนุมัติสินเชื่อได้อย่างคล่องแคล่ว ชัดเจน การอนุมัติก็จะมีโอกาสผ่านได้มากกว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่บางคนมีประสบการณ์น้อย บางคนเพิ่งย้ายมาจากแผนกอื่นๆ บางคนเรียนจบมาใหม่ๆ ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจวิธีคิดของคณะกรรมการอนุมัติสินเชื่อ จึงไม่สามารถช่วยให้คำแนะนำผู้กู้ในการเตรียมตัวเตรียมเอกสารให้ผ่านได้โดยง่าย

ซึ่งหากเข้าไปยื่นกู้ตามสาขาธนาคารต่างๆ ขอแนะนำให้เดินเข้าไปขอพบผู้จัดการเลย เพราะการพบแค่เจ้าหน้าที่เราอาจจะโดนปฏิเสธสินเชื่อ เนื่องจากเจ้าหน้าที่อาจมีประสบการณ์น้อยและมีข้อจำกัดในการทำงาน คงไม่มีใครบอกเราตรงๆว่า ผม/ดิฉันไม่เคยทำเคสแบบคุณมาก่อนเลยครับ ขอหาประสบการณ์ลองผิดลองถูกกับของคุณหน่อยได้มั้ย ดังนั้นการเลือกพบผู้จัดการเพื่อที่เราจะได้พูดคุยและอธิบายตรง ๆ ถึงวัตถุประสงค์ในการขอกู้ของเราน่าจะมีโอกาสมากกว่า เพราะผู้จัดการธนาคารจะมองภาพที่ใหญ่กว่าและมีเป้าการปล่อยสินเชื่อที่ต้องทำให้ได้ ดังนั้นเขาก็จะรับฟังและไม่ปฏิเสธเราง่าย ๆ หากเคสของเรามีความเป็นไปได้ 

สุดท้ายสิ่งสำคัญอยู่ที่ตัวของเรา ดังนั้น เราต้องเตรียมตัวเตรียมเอกสาร เตรียมความพร้อมต่างๆและอย่าเพิ่งท้อตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น ขอให้โชคดีทุกท่านครับ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาที่ท่านอาจสนใจ เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น นโยบายคุกกี้และนโยบายความเป็นส่วนตัว